Last updated: 25 ม.ค. 2563 | 18625 จำนวนผู้เข้าชม |
รอยแผลเป็นจากสิว Acne Scar มีกี่ชนิด รักษาได้อย่างไรบ้าง ?
มีทั้งแบบ รอยแผลเป็นหลุม (atrophic scars) และรอยแผลเป็นนูน (hypertrophic scars) โดยแผลเป็นจากสิวมักเป็นแผลเป็นหลุมมากกว่าแผลเป็นนูนครับ
รอยแผลเป็นหลุม(atrophic scars) แบ่งได้อีก 3 กลุ่มย่อยตามลักษณะ คือ
1. หลุมสิวแบบคลื่น (rolling scar) มีความโค้ง ตื้น มีขนาดกว้างมากกว่า 4-5 mm
2. หลุมสิวแบบกล่อง (boxcar scar) ลักษณะเหลี่ยม หรือออกกลมรีได้ ปากขอบและฐานขนาดใกล้เคียงกัน ขอบเขตชัด ขนาดประมาณ 3-4 mm
3. หลุมสิวแบบจิก (icepick scar) พบได้มากที่สุดขนาดแคบ น้อยกว่า 2 mm ลึก ขอบชัด ก้นของหลุมจะแหลม ลักษณะคล้ายตัว V โดยหลุมสิวชนิดนี้จะตอบสนองต่อการรักษาได้น้อยที่สุด
ในบางครั้งอาจแยกลักษณะหลุมสิวชนิดต่างๆออกจากกันได้ยาก และส่วนมากพบหลุมสิวได้ทั้ง 3 กลุ่มในคนไข้คนเดียวกัน
การรักษามีได้หลายวิธี
1. การรักษาที่กระตุ้นให้การสร้างผิวใหม่ ได้แก่
1.1 Laser : เหมาะกับหลุมสิวชนิด boxcar และrolling scars ที่นิยมใช้ ได้แก่ laser กลุ่มกรอผิว (เลเซอร์ที่กรอผิวที่ผิดปกติออก) เช่น Carbon dioxide laser และ Erbium YAG laser แต่มักใช้เวลาในการพักฟื้นนาน และมีผลข้างเคียงเยอะ, ปัจจุบันนิยมใช้ Fractional laser (เลเซอร์ที่ทำลายเนื้อเยื่อทีละส่วน) ให้เกิดแผลจุดเล็กๆจำนวนมาก โดยไม่ทำลายเนื้อดีรอบๆ กระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมผิวหนังได้ดีกว่า พัฒนาขึ้นเพื่อลดข้างเคียงจากกลุ่มเลเซอร์กลุ่มแรก
1.2 Fractional radiofrequency คือการใช้คลื่นความถี่วิทยุส่งพลังงานความร้อนจุดเล็กๆที่ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นให้หลุมสิวตื้นลง
1.3 TCA CROSS (Chemical Reconstruction of Skin Scar method) ใช้กรดTCA ความเข้มข้น 50-90% แต้มเฉพาะจุด เหมาะกับหลุมสิวกลุ่ม Icepick-scar
1.4 Picosecond Laser นับเป็นเทคโนโลยีล่าสุดในการดูแลรักษาหลุมสิว
2. คือการใช้ใบมีดขนาดเล็กตัดเลาะใต้พังผืดที่เป็นหลุมสิว เหมาะกับหลุมสิวประเภท rolling และ boxcar scar
3. การฉีด Filler โดยการฉีดสารเติมเต็มที่หลุมสิว เห็นผลการรักษาได้เร็ว แต่ผลไม่ถาวร ตามการสลายของfiller
4. การผ่าตัด สำหรับหลุมสิวที่มีความรุนแรงมาก ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่นๆ เช่น Punch elevation, Punch excision อย่างไรก็ตามการรักษานี้อาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดแผลเป็นนูนได้
- ในการรักษาหลุมสิว อาจจำเป็นต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน และใช้จำนวนการรักษาหลายครั้ง ขึ้นกับชนิดของหลุมสิว และการตอบสนองต่อการรักษาที่แตกต่างกันของคนไข้
- และที่สำคัญคือการป้องกันไม่ให้เกิดสิวและรักษาสิวอย่างถูกวิธีเผื่อจะได้ไม่เกิดหลุมสิวตามมาครับ
Cr: หมอรุจชวนคุย